แต่ละปี ชาวมุสลิมหลายล้านคน รวมทั้งชาวมุสลิมในไทย ร่วมถือศีลอดตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกเป็นเวลา 30 วันในช่วงรอมฎอน
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เดือนรอมฎอน ตรงกับช่วงหน้าร้อนในซีกโลกเหนือ ทำให้กลางวันยาวนานขึ้น และสภาพอากาศร้อนขึ้น นั่นหมายความว่า คนที่อยู่ในบางประเทศ อย่างเช่นนอร์เวย์ จะต้องถือศีลอดนานถึง 20 ชั่วโมงต่อวันในปีนี้
ในสหราชอาณาจักร วันแรก ของเดือนรอมฎอนปีนี้เริ่มพุธที่ 16 พ.ค.ในไทย สำนักจุฬาราชมนตรี ประกาศให้พฤหัสบดีที่ 17 พ.ค.เป็นวันแรก
การอดอาหารเช่นนี้เป็นผลดีต่อสุขภาพหรือไม่ นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณ หากคุณถือศีลอดเป็นเวลา 30 วัน
2-3 วันแรก คือ ช่วงที่ยากลำบากที่สุด
ตามหลักการแล้ว ร่างกายไม่ได้เข้าสู่ 'ภาวะอดอาหาร' จนกว่าจะครบ 8 ชั่วโมงหลังกินอาหารมื้อสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ลำไส้ดูดสารอาหารต่าง ๆ จากอาหารเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น ร่างกายของเราก็จะเปลี่ยนกลูโคสที่เก็บสะสมไว้ในตับและกล้ามเนื้อมาให้พลังงาน เมื่อกลูโคสหมด ไขมันก็จะกลายเป็น แหล่งพลังงานสำหรับร่างกายแทน
เมื่อร่างกายเริ่มเผาผลาญไขมัน ก็จะช่วยทำให้น้ำหนักลดลง ลดระดับคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงของการเป็นเบาหวาน
อย่างไรก็ตาม การลดลงของระดับน้ำตาลในเลือด จะทำให้เกิดความอ่อนเพลียและเซื่องซึม คุณอาจจะมีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ และหายใจลำบาก เมื่อมีอาการหิวเพิ่มมากขึ้นจนถึงระดับรุนแรง
วันที่ 3-7ระวังเรื่องการขาดน้ำ
ขณะที่ร่างกายเริ่มชินกับการอดอาหาร ไขมันจะถูกนำมาแปลงเป็นน้ำตาลในเลือด การที่คุณไม่ได้รับของเหลวเข้าสู่ร่างกายในช่วงถือศีลอด ก็ต้องชดเชยในช่วงหลังจากเลิกถือศีลอดในแต่ละวัน ไม่เช่นนั้น ก็อาจทำให้เกิดอาการขาดน้ำได้
อาหารที่คุณรับประทานควรจะมี 'อาหารที่ให้พลังงาน' ในระดับเหมาะสม อย่างเช่น คาร์โบไฮเดรต และไขมันบางอย่าง เป็นเรื่องสำคัญมากในการควบคุมการกินอาหารให้ได้สารอาหารอย่างสมดุล รวมถึง โปรตีน เกลือ และน้ำ
วันที่ 8-15เริ่มชิน
ก่อนที่จะเข้าขั้นที่ 3 นี้ คุณน่าจะเห็นพัฒนาการทางอารมณ์ ในช่วงที่ร่างกายปรับตัวกับการอดอาหารได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ดร. ราซีน มาห์รูฟ ที่ปรึกษาในหน่วยผู้ป่วยหนักและยาชา ที่โรงพยาบาลแอดเดินบรูกส์ ในเมืองเคมบริดจ์ กล่าวว่า มีข้อดีหลายอย่างจากการอดอาหารเช่นกัน
"ในชีวิตประจำวัน เรามักกินมากเกินไป และอาจส่งผลให้ร่างกายไม่ได้ทำหน้าที่อื่นเท่าที่ควร เช่น การซ่อมแซมตัวเอง"
"การปรับสภาพของร่างกายจะเกิดขึ้นในช่วงถือศีลอด ทำให้ร่ายกายได้หันไปทำหน้าที่อื่น ๆ"
ดังนั้น การถือศีลอดอาจจะเป็นผลดีต่อร่ายกาย ด้วยการทำให้เกิดการซ่อมแซม และยังช่วยป้องกันและต้านทานการติดเชื้อด้วย
วันที่ 16-30ถอนพิษ
ในช่วงครึ่งหลังของการถือศีลอด ร่างกายจะปรับตัวเข้ากับกระบวนการอดอาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ในช่วงนี้ ลำไส้ใหญ่, ตับ, ไต และผิวหนัง จะเข้าสู่ช่วงของการถอนพิษ
"ในด้านสุขภาพ ขั้นนี้ การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ น่าจะกลับไปสู่ระดับเต็มศักยภาพอีกครั้ง ความจำและสมาธิอาจจะดีขึ้น และคุณอาจมีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้น" ดร. มาห์รูฟ กล่าว
"ร่างกายคุณไม่น่าจะหันไปใช้พลังงานจากโปรตีน ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเข้าสู่ภาวะ 'อดอยาก' ที่ต้องดึงกล้ามเนื้อมาสร้างพลังงาน ภาวะเช่นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีการอดอาหารยาวนานต่อเนื่องกันนานหลายวันหรือหลายสัปดาห์"
"เนื่องจากการถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอนดำเนินไปตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก เราจึงมีช่วงเวลามากพอที่จะเติมพลังให้ร่างกายด้วยอาหารและน้ำ ช่วยรักษากล้ามเนื้อไว้ แต่ยังช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย"
สรุปแล้ว การถือศีลอดมีผลดีต่อสุขภาพหรือไม่?
ดร. มาห์รูฟ กล่าวว่า มี แต่มีเงื่อนไข
"การถือศีลอดเป็นผลดีต่อสุขภาพของเรา เพราะมันช่วยให้เราให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรากินและเวลาที่เรากิน อย่างไรก็ตาม ขณะที่การถือศีลอดนาน 1 เดือนอาจจะไม่เป็นไร แต่ก็ไม่แนะนำให้อดอาหารต่อเนื่อง"
"การอดอาหารต่อเนื่องไม่เป็นวิธีที่ดีสำหรับการลดน้ำหนักในระยะยาว เพราะสุดท้ายแล้ว ร่างกายของคุณจะหยุดเปลี่ยนไขมันมาเป็นพลังงาน และจะหันไปใช้กล้ามเนื้อแทน นี่ไม่ดีต่อสุขภาพ เพราะนั่นจะทำให้ร่างกายเริ่มเข้าสู่ภาวะ 'อดอยาก'"
เขาแนะนำว่า (นอกเหนือเดือนรอมฎอน) การอดอาหารเป็นช่วง ๆ หรือการควบคุมการกินแบบ 5:2 (อดอาหาร 2-3 วันต่อสัปดาห์ ส่วนเวลาที่เหลือก็กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ) น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าการอดอาหารต่อเนื่องครั้งหนึ่งนานหลายเดือน
"การถือศีลอดอย่างถูกวิธีในช่วงเดือนรอมฎอน น่าจะทำให้คุณได้เติมพลังงานในแต่ละวัน ซึ่งหมายความว่าคุณอาจลดน้ำหนักลงโดยที่ร่างกายไม่เสียกล้ามเนื้อที่มีคุณค่า"
ข้อมูลจาก : https://www.bbc.com/thai/international-44140487
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น